Don't Ask, Don't Tell
ไม่ถาม ก็ไม่ตอบ
ประธานาธิบดีบารัคโอบามา ผู้กวาดคะแนนนิยมและสร้างกระแสการตอบรับชนิดถล่มทลาย ไม่เฉพาะในอเมริกา แต่ดังข้ามทวีป ไปถึงญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไทยแลนด์ แดนขี้เห่อ กูเห่อได้ทุกเรื่อง ก็ไม่เว้นถูกกระแส CHANGE พัดพานายก โอบามาร์ค ขึ้นสู่ตำแหน่ง แม้จะทุลักทุเล และทุเรศไปหน่อยกับการได้มาของรัฐบาลที่ตั้งกันในค่ายทหาร แต่ความหล่อไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเอาหน้าตาไปเทียบกับคู่แข่งคนอื่นๆ จนในที่สุด ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ CHANGE ของจริง
ที่อเมริกา ผู้คนพากันเอือมระอา กับลีลาการทำงานของขวัญใจที่เพิ่งเลือกมาหมาดๆ CHANGE ที่เคยประกาศไว้ คล้ายๆกับนโยบาย 90 วัน ของโอบามาร์ค โอบามา เกาะโพเดียมไปวันๆ ดีหน่อยที่ไม่ต้องเกาะโพเดียมในค่ายทหาร แต่ถึงกระนั้น กระแสความเบื่อหน่ายของผู้คนที่นี่หนักหน่วงขึ้นทุกวัน ที่เมืองไทย เป็นอย่างไรไม่รู้ ที่รู้ๆก็คือ มันหมดไปแล้ว ความยุติธรรมของระบบตุลาการ กระบวนการบริหารตามระบอบประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ และระบบรัฐสภาที่ล่มสลายแบบไม่มีทางจะกู้กลับคืนมาได้อีก (ของเดิมก็เน่าพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เน่าจนเกินเยียวยา)
เรื่องนี้ ถูกดองไว้พักใหญ่ เพราะความที่กระแสความแตกต่างทางความคิด มันแรงซะจน โอบามาเองไม่กล้า CHANGE แต่ในที่สุด เขาก็เซ็นผ่านกกหมายฉบับนี้ออกมา
ที่ตามมาติดๆบนหน้าสื่อในอเมริกาก็คือ กระแส Repeal Obama ก็คือความพยายามที่จะยกเลิกกฏหมายที่ประธานาธิบดีผ่านออกมา พร้อมกับเสียงกระหึ่มไปทั่ว ว่า กูโคตรเบื่อมึงเลย จะเลือกมันต่อดีมั๊ย ปี 2012 ที่จะมาถึง
โอบามาเองก็คงรู้อยู่เต็มอก ว่ากระแสที่เขาปลุกขึ้นมาในกลุ่ม สาวแก่แม่ยก มันได้เสื่อมคลายลงในเวลาแค่ไม่ถึงสองปี
ตรงกันข้ามกับโอบามาร์คบ้านผม ขนาดคนเดินขบวนขับไล่ เอาเลือดไปเทราดที่หน้าบ้าน เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ ยังอยู่ได้สบาย และมีแนวโน้มจะได้อยูไปเรื่อยๆชั่ว ฟ้า ดินสลาย เพราะความแตกต่างของระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่และอำนาจที่แฝงเร้นหนุนหลัง
เรื่องทั้งหมด เพียงแค่ชี้ให้ดูว่า ที่บ้านอื่นเมืองอื่น เขาเลือกผู้นำกันยังงัย เวลาเขาเบื่อ เขาทำกันยังงัย เบื่อก็บอกกันตรงๆว่า กูเบื่อมึง ไม่เห็นถึงขนาดต้องเอารถถัง เอาปืนกล เอ็มสิบหกมายึดอำนาจ ไม่ไล่ฆ่ากันแบบเมืองไทย
เวลาออกกฏหมาย เขาก็ถกกัน เถียงกัน เอาเหตุผลมาหักล้างกัน เสียงฝ่ายไหนชนะ ก็ว่าไปตามนั้น
กฏหมาย Don't Ask Don't tell มีผลกระทบต่อกองทัพ ไม่น้อยก็มาก เพราะฝ่ายของกองทัพเองก็อีหลักอีเหลื่อ และแสดงความเห็นในทำนองแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ที่แน่ๆก็คือ มันมีกระบวนการของการวินิจวิเคราะห์ อย่างกว้างขวาง ไม่ใช่ใครเป็นรัฐบาล หรืออยู่ขั้วไหนก็จะดึงดันเอาให้ได้แต่อย่างเดียว
ผมมานั่งวิเคราะห์เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน โรงไฟฟ้าระเบิดที่ เชอร์โนบิล เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลกระทบมากมายในวงกว้าง ไม่ใช่เพราะเรื่องขาดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ แต่เพราะความงี่เง่าของคนไม่กี่คนที่ปิดข่าวการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสี
พอมาเห็นข่าว สนทนาทางจอทีวี เรื่องเมืองไทยจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่นั่นที่นี่ บอกตรงๆว่าผม ไม่เคยมีความเชื่อมั่นว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต จะบริหารความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้โดยไม่มีเหตุรุนแรง ผมมั่นใจ เพราะรู้เช่น เห็นสันดานของคนการไฟฟ้า (ขออภัยหากจะเป็นการเหมารวม) ขนาดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกระจอกๆ ยังทำไฟไหม่ไปตั้งหลายหน ที่สำคัญ คนการไฟฟ้า ที่ออกมาทำมาหากินกับดรงไฟฟ้าเอกชน ก็เอาสันดานเดิมๆติดมา เรื่องคอรัปชั่น กินเล็ก กินน้อย กินใหญ่ ความปลอดภัยไม่สน สิ่งแวดล้อม ก็เน้นประชาสัมพันธ์เข้าหนักๆ การไฟฟ้าเป็นของรัฐ รัฐเป็นของคนงี่เง่าไม่กี่คน ผมไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล ไม่เชื่อมั่นในความเป็นธรรม ความโปร่งใส บังเอิญความหล่อมันไม่มีผลกับผม เพราะถึงไม่ถาม ผมก็ก็กล้าตอบว่า "กูไม่ใช่อีตุ๊ด โว๊ยยย..." กูไม่เคยหนีทหาร กูไม่เกลียดทหาร แต่ก็ไม่ชอบพวกหน้าตัวผู้แต่ใจตัวเมียไล่ยิงคนซุ่มยิงคนไร้ทางสู้ มันทุเรศ พูดกันตรงๆ ชัดๆ (ขออภัย ที่พูดจาไม่สุภาพ พอดีรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม)
คิดหรือครับว่าจะมีความโปร่งใส
คิดหรือครับว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนจะเป็นกระบวนการของจริง
คิดหรือครับว่าการศึกาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะมาจากข้อมูลจริง
เพราะผมรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณใช้เทคนิค Don't Ask Don't Tell มาตลอดอยู่แล้ว "ก็มึงไม่ถาม เรื่องอะไรกูจะบอก" จริงไหมครับ
เดี๋ยวตอนหน้าจะเอาเรื่องโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลมากระเทาะให้ฟัง ว่า ถึงเวลาแล้วหรือ ที่คนไทยจะต้องตายด้วยกัมมันตภาพรังสี มีเซฟตี้สักกี่คนที่มั่นใจระบบความปลอดภัยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผมคนหนึ่งละครับ ที่ไม่เชื่อ
นักวิชาการที่เรียงหน้ากันออกมา อี๋อ๋อ เลียตูดรัฐบาล ผมจะจำหน้า จำชื่อไว้ทุกคน เพราะวันข้างหน้า เวลาที่เกิดเหตุระยำแบบเดียวกับที่ เชอร์โนบิล จะได้สาบแช่งกันถูก ว่า พวกระยำพวกนี้แหละ ที่ฉวยโอกาสบนความไม่รู้ของคนไทย เสียดายที่วิดีโอเป็นภาษาอังกฤษ คนไทยส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบตรงๆ ฟังไม่ออก แต่ไอ้คนที่มันจบจากอังกฤษ อ่านออก ฟังออก ทุกคำ มันฟังไม่เข้าถึงใจ ความไม่เป็นธรรม แบบที่ชอบพุดว่า ธรรมาภิบาลอย่างนั้นอย่างนี้ มันทำให้ผมระแวง ไม่ไว้ใจ และด่าไว้ล่วงหน้า อย่างไม่ลังเล ระบบความปลอดภัยที่ดีมันต้องเริ่มที่ใจ ใจที่เป็นธรรม เห็นชีวิตคนอื่นมีค่า มันเริ่มกันตรงนี้ครับ ไม่ต้องบอก.... ผมรู้ว่า.จิตใจผู้นำเมืองไทยเป็นแบบไหน.....
ประธานาธิบดีบารัคโอบามา ผู้กวาดคะแนนนิยมและสร้างกระแสการตอบรับชนิดถล่มทลาย ไม่เฉพาะในอเมริกา แต่ดังข้ามทวีป ไปถึงญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไทยแลนด์ แดนขี้เห่อ กูเห่อได้ทุกเรื่อง ก็ไม่เว้นถูกกระแส CHANGE พัดพานายก โอบามาร์ค ขึ้นสู่ตำแหน่ง แม้จะทุลักทุเล และทุเรศไปหน่อยกับการได้มาของรัฐบาลที่ตั้งกันในค่ายทหาร แต่ความหล่อไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเอาหน้าตาไปเทียบกับคู่แข่งคนอื่นๆ จนในที่สุด ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ CHANGE ของจริง
ที่อเมริกา ผู้คนพากันเอือมระอา กับลีลาการทำงานของขวัญใจที่เพิ่งเลือกมาหมาดๆ CHANGE ที่เคยประกาศไว้ คล้ายๆกับนโยบาย 90 วัน ของโอบามาร์ค โอบามา เกาะโพเดียมไปวันๆ ดีหน่อยที่ไม่ต้องเกาะโพเดียมในค่ายทหาร แต่ถึงกระนั้น กระแสความเบื่อหน่ายของผู้คนที่นี่หนักหน่วงขึ้นทุกวัน ที่เมืองไทย เป็นอย่างไรไม่รู้ ที่รู้ๆก็คือ มันหมดไปแล้ว ความยุติธรรมของระบบตุลาการ กระบวนการบริหารตามระบอบประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ และระบบรัฐสภาที่ล่มสลายแบบไม่มีทางจะกู้กลับคืนมาได้อีก (ของเดิมก็เน่าพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เน่าจนเกินเยียวยา)
พรรคเดโมแครท (พรรคประชาธิปัตย์ ของอเมริกา) พ่ายแพ้การเลือกตั้ง Mid Term Election ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆเมื่อเดือน พฤศจิกายน เสียที่นั่งให้กับพรรคคู่แข่ง Republican ซึ่งโชคดีมากที่เป็นพรรคใหญ่ในอเมริกา หากเป็นที่เมืองไทย รับรองได้ว่าคงไม่รอดพ้นยุทธการยุบพรรค กำจัดเสี้ยนหนาม การเมืองที่นี่ ไม่สกปรกเท่าเมืองไทย มีด่าพ่อล่อแม่กันบ้าง มีการขุดเอาเรื่องคนโน้นคนนี้ ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงขายตัว อะไรแบบนั้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับการไล่ล่าฆ่าล้างบาง ตั้งแต่หัวยันฐานราก แบบที่เกิดขึ้นในเมืองไทย เอมริกาตอนนี้ อยู่ในสภาพ เป็ดง่อย เดินหน้าไม่ถึงฝั่ง ถอยหลังไม่ถึงทะเล
นี่ล่าสุด เกิดกระแสฮือฮา ในกรณีที่บารัคโอบามา เซ็นผ่านกฏหมาย ไม่ถาม ไม่ต้องบอก - Don't Ask Don't Tell
นี่ล่าสุด เกิดกระแสฮือฮา ในกรณีที่บารัคโอบามา เซ็นผ่านกฏหมาย ไม่ถาม ไม่ต้องบอก - Don't Ask Don't Tell
กฏหมายฉบับบนี้ เกิดจากการโต้แย้งกันในประเด็นที่ว่า จะอนุญาตให้คนที่เป็นกระเทย เป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว เป็นเลสเบียน เข้ารับราชการทหารได้หรือไม่
ฝั่งหนึ่งก็ไม่เห็นด้วย อ้างว่า กระเทย ตุ๊ด แต๋ว อาจทำให้กองทัพอ่อนแอ เกรงว่า ไปเจอเขายิงกันตูมตามแล้วเกิดแต๋วแตก ตุ๊ด ตูด ตู๊ด ขึ้นมาจะพากันตายระเนระนาด
อีกฝ่ายหนี่งก็บอกว่า ในระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน การจะแสดงออกซึ่งความรักชาติ โอกาสในการรับใช้ชาติมีเท่าๆกัน ไม่ว่าจะเป็นชายจริงหญิงแท้ ไก่อู ไก่ต๊อก ตุ๊ดแต๋ว เท่ากันหมด
เรื่องนี้ ถูกดองไว้พักใหญ่ เพราะความที่กระแสความแตกต่างทางความคิด มันแรงซะจน โอบามาเองไม่กล้า CHANGE แต่ในที่สุด เขาก็เซ็นผ่านกกหมายฉบับนี้ออกมา
ที่ตามมาติดๆบนหน้าสื่อในอเมริกาก็คือ กระแส Repeal Obama ก็คือความพยายามที่จะยกเลิกกฏหมายที่ประธานาธิบดีผ่านออกมา พร้อมกับเสียงกระหึ่มไปทั่ว ว่า กูโคตรเบื่อมึงเลย จะเลือกมันต่อดีมั๊ย ปี 2012 ที่จะมาถึง
โอบามาเองก็คงรู้อยู่เต็มอก ว่ากระแสที่เขาปลุกขึ้นมาในกลุ่ม สาวแก่แม่ยก มันได้เสื่อมคลายลงในเวลาแค่ไม่ถึงสองปี
ตรงกันข้ามกับโอบามาร์คบ้านผม ขนาดคนเดินขบวนขับไล่ เอาเลือดไปเทราดที่หน้าบ้าน เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ ยังอยู่ได้สบาย และมีแนวโน้มจะได้อยูไปเรื่อยๆชั่ว ฟ้า ดินสลาย เพราะความแตกต่างของระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่และอำนาจที่แฝงเร้นหนุนหลัง
เรื่องทั้งหมด เพียงแค่ชี้ให้ดูว่า ที่บ้านอื่นเมืองอื่น เขาเลือกผู้นำกันยังงัย เวลาเขาเบื่อ เขาทำกันยังงัย เบื่อก็บอกกันตรงๆว่า กูเบื่อมึง ไม่เห็นถึงขนาดต้องเอารถถัง เอาปืนกล เอ็มสิบหกมายึดอำนาจ ไม่ไล่ฆ่ากันแบบเมืองไทย
เวลาออกกฏหมาย เขาก็ถกกัน เถียงกัน เอาเหตุผลมาหักล้างกัน เสียงฝ่ายไหนชนะ ก็ว่าไปตามนั้น
กฏหมาย Don't Ask Don't tell มีผลกระทบต่อกองทัพ ไม่น้อยก็มาก เพราะฝ่ายของกองทัพเองก็อีหลักอีเหลื่อ และแสดงความเห็นในทำนองแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ที่แน่ๆก็คือ มันมีกระบวนการของการวินิจวิเคราะห์ อย่างกว้างขวาง ไม่ใช่ใครเป็นรัฐบาล หรืออยู่ขั้วไหนก็จะดึงดันเอาให้ได้แต่อย่างเดียว
ผมมานั่งวิเคราะห์เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน โรงไฟฟ้าระเบิดที่ เชอร์โนบิล เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลกระทบมากมายในวงกว้าง ไม่ใช่เพราะเรื่องขาดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ แต่เพราะความงี่เง่าของคนไม่กี่คนที่ปิดข่าวการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสี
พอมาเห็นข่าว สนทนาทางจอทีวี เรื่องเมืองไทยจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่นั่นที่นี่ บอกตรงๆว่าผม ไม่เคยมีความเชื่อมั่นว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต จะบริหารความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้โดยไม่มีเหตุรุนแรง ผมมั่นใจ เพราะรู้เช่น เห็นสันดานของคนการไฟฟ้า (ขออภัยหากจะเป็นการเหมารวม) ขนาดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกระจอกๆ ยังทำไฟไหม่ไปตั้งหลายหน ที่สำคัญ คนการไฟฟ้า ที่ออกมาทำมาหากินกับดรงไฟฟ้าเอกชน ก็เอาสันดานเดิมๆติดมา เรื่องคอรัปชั่น กินเล็ก กินน้อย กินใหญ่ ความปลอดภัยไม่สน สิ่งแวดล้อม ก็เน้นประชาสัมพันธ์เข้าหนักๆ การไฟฟ้าเป็นของรัฐ รัฐเป็นของคนงี่เง่าไม่กี่คน ผมไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล ไม่เชื่อมั่นในความเป็นธรรม ความโปร่งใส บังเอิญความหล่อมันไม่มีผลกับผม เพราะถึงไม่ถาม ผมก็ก็กล้าตอบว่า "กูไม่ใช่อีตุ๊ด โว๊ยยย..." กูไม่เคยหนีทหาร กูไม่เกลียดทหาร แต่ก็ไม่ชอบพวกหน้าตัวผู้แต่ใจตัวเมียไล่ยิงคนซุ่มยิงคนไร้ทางสู้ มันทุเรศ พูดกันตรงๆ ชัดๆ (ขออภัย ที่พูดจาไม่สุภาพ พอดีรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม)
คิดหรือครับว่าจะมีความโปร่งใส
คิดหรือครับว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนจะเป็นกระบวนการของจริง
คิดหรือครับว่าการศึกาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะมาจากข้อมูลจริง
เพราะผมรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณใช้เทคนิค Don't Ask Don't Tell มาตลอดอยู่แล้ว "ก็มึงไม่ถาม เรื่องอะไรกูจะบอก" จริงไหมครับ
เดี๋ยวตอนหน้าจะเอาเรื่องโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลมากระเทาะให้ฟัง ว่า ถึงเวลาแล้วหรือ ที่คนไทยจะต้องตายด้วยกัมมันตภาพรังสี มีเซฟตี้สักกี่คนที่มั่นใจระบบความปลอดภัยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผมคนหนึ่งละครับ ที่ไม่เชื่อ
นักวิชาการที่เรียงหน้ากันออกมา อี๋อ๋อ เลียตูดรัฐบาล ผมจะจำหน้า จำชื่อไว้ทุกคน เพราะวันข้างหน้า เวลาที่เกิดเหตุระยำแบบเดียวกับที่ เชอร์โนบิล จะได้สาบแช่งกันถูก ว่า พวกระยำพวกนี้แหละ ที่ฉวยโอกาสบนความไม่รู้ของคนไทย เสียดายที่วิดีโอเป็นภาษาอังกฤษ คนไทยส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบตรงๆ ฟังไม่ออก แต่ไอ้คนที่มันจบจากอังกฤษ อ่านออก ฟังออก ทุกคำ มันฟังไม่เข้าถึงใจ ความไม่เป็นธรรม แบบที่ชอบพุดว่า ธรรมาภิบาลอย่างนั้นอย่างนี้ มันทำให้ผมระแวง ไม่ไว้ใจ และด่าไว้ล่วงหน้า อย่างไม่ลังเล ระบบความปลอดภัยที่ดีมันต้องเริ่มที่ใจ ใจที่เป็นธรรม เห็นชีวิตคนอื่นมีค่า มันเริ่มกันตรงนี้ครับ ไม่ต้องบอก.... ผมรู้ว่า.จิตใจผู้นำเมืองไทยเป็นแบบไหน.....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น